Black live matters กับการเหยียดสีผิวนักเตะ จากเหล่าแฟนบอล

    Black live matters คือ แคมเปญใหญ่ ที่โลกของเรากำลังรณรงค์ ให้มนุษย์ทุกคนบนโลกนี้ ยุติการเหยียดเชื้อชาติ และมองทุกลมหายใจ ด้วยสิทธิเสมอกัน ไม่เลือกปฏิบัติ ว่าคุณเป็นคนดำ หรือฉันเป็นคนขาว หรือคนผิวเหลือง ที่เป็นคนเอเชีย

ซึ่งแน่นอนว่า ไม่ใช่เพียงแค่ คนที่เป็นผิวสีเท่านั้น แต่คนที่ตัวเล็ก และผิวเหลืองเอง ก็โดนให้เห็นกันอยู่บ่อย ๆ ซึ่งในวงการกีฬานั้น เป็นเรื่องที่เห็นกันอยู่เรื่อย ๆ โดยได้มีการต่อต้านขึ้นมาหลาย ๆ ครั้ง แต่แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้ จะไม่มีทางหมดไป นั่นเอง

Black live matters

ที่ไปที่มาของแคมเปญนี้

การรณรงค์ครั้งนี้ เติบโตขึ้นมากขึ้นหลังจาก ที่เกิดความตื่นตระหนกไปทั่วโลก ในสหรัฐอเมริกา เมื่อชายผิวดำอย่าง จอร์จ ฟลอยด์ ถูกสังหาร ในการดำเนินการของตำรวจ ปัญหานี้เกิดขึ้น เมื่อประมาณเดือนพฤษภาคม ปี 2020

เมื่อเจ้าของร้านชื่อ Floyd พยายามซื้อของที่ร้านของเขา ด้วยเงินปลอมมูลค่า $ 20 เมื่อตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุ ทั้ง 4 คนมาถึงผลักฟลอยด์ ให้นอนราบกับพื้นถนน ก่อนที่ตำรวจร่างใหญ่ ใช้ต้นขา พร้อมลงน้ำหนักเต็มที่

จากนั้น Floyd ถูกนำส่งโรงพยาบาล แต่ทุกอย่างก็สายเกินไป และเขาก็ตาย แม้จะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลก่อน และสิ่งที่ทำให้โลก หันมาสนใจประเด็นนี้ คือ สิ่งที่ชายชุดดำกำลังทำ และเมื่อเขาถูกตำรวจกดลงกับพื้น เขาก็ไม่ได้กระทำการใด ๆ

ในการต่อต้านการจับกุม กระแสโซเชียล จึงสรุปไปในทิศทางเดียวกันว่า นี่เป็นการกระทำที่เกินเลย เนื่องจากผู้ต้องสงสัย เป็นเพียงชายผิวดำ ดังนั้นจึงมีการจัดเตรียม ที่รุนแรงเกินกว่าที่มนุษย์จะได้รับบาดเจ็บ

BLACK LIVE MATTERS กับวางการฟุตบอล

ทำให้ มีการตั้งกระทู้ เพื่อหาความเป็นธรรม ผ่านโลกออนไลน์ด้วยแฮชแท็ก ” #JusticeForGeorge ” ไม่เว้นแม้แต่นักฟุตบอล ที่มีชื่อเสียงที่สุดในรายการ เสรีภาพของมนุษย์ไม่ว่าจะเป็น Kylian Mbappe , Jadon Sancho , Weston McKenny หรือ Marcus Thuram

จากนั้น โลกฟุตบอลก็นำแคมเปญ Black Live เป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะในพรีเมียร์ เมื่อสิ้นสุดปีที่แล้ว และก่อนเกม แต่ละเกม จะมีท่าทางที่ เองลักษณ์ของการต่อต้าน กับสิ่งเหล่านี้ คือ การคุกเข่า ในเรื่องนี้ พรีเมียร์ได้ออกมาประกาศ

ถึงสาเหตุที่ใช้แคมเปญนี้ “ เพราะเรา คือ นักเตะที่อยากจะมุ่งมั่น ในการกำจัดการเหยียดสีผิว ” ซึ่งตั้งแต่ที่เริ่มมา จนมาถึงตอนนี้ ถามว่าแคมเปญทั้งหมด ได้ผลจริงหรือ ซึ่งแน่นอนว่า อย่างเห็น ๆ กันอยู่ว่า ยังไม่มีน้อยลง แม้จะอย่างใด

แต่ดูเหมือนว่า ผู้คนเหล่านั้น จะไม่รู้จักความร้อน ความเย็นหรือความคิดอีกต่อไป เช่น ในกรณีที่แอกเซล ดูเตเบ้ หรือ แอนโธนี มาร์เชียล สองแข้งของ แมนยู ที่ตีกันเองในวันงาน ไม่ได้ผลอย่างที่คิด ถึงขนาดตัดต่อหัวลิงใส่หน้า กองหน้าชาวฝรั่งเศส

หรือ รีซ เจมส์ เจ้าหนูของเชลซี ที่เพิ่งปิดตัวลง IG ส่วนตัว เพราะตามมาด้วยสังคม ก้มหน้าเกี่ยวกับสีผิว และเชื้อชาติของเขา เป็นเรื่องจริงที่ ในกรณีเหล่านั้น ซึ่งเพราะในการที่เราเป็นนักเตะ แฟนบอลสามารถ วิจารณ์ผลงานได้แบบเต็มที่

แต่ควรอยู่ในขอบเขต ที่สมเหตุสมผล เพราะหลังจากนั้น พวกเขาก็เป็นมนุษย์ ที่เกิดมาเช่นเดียวกับคุณ ไม่ต่างกัน หรือคุณไม่ต่างจากเขาเลยสักนิด ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ วิลฟรีด ซาฮา ดาวเตะของ ปราสาทแก้ว จะกล้าแสดงจุดยืนชัดเจน

ว่าจะไม่คุกเข่า แสดงสัญลักษณ์เหล่านั้นอีกต่อไป เพราะเจ้าตัวคิดว่า ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใด ๆ การตัดสินใจของฉัน หลายคนน่าจะรู้ มาก่อนหน้านี้แล้วว่า ฉันได้ประกาศต่อสาธารณะ เมื่อสองสามสัปดาห์ก่อนว่า ฉันจะไม่ทำอีก ไม่ใช่เรื่องถูกหรือผิด

แต่โดยส่วนตัวแล้ว ฉันคิดว่าการคุกเข่า เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการแข่งขัน ” ซึ่งฉันคิดว่า มันไม่สำคัญ ไม่ว่าเราจะคุกเข่า หรือยืนขึ้น ตราบใดที่การเหยียดผิว ยังคงเหมือนเดิม ฉันยังเคารพเพื่อนร่วมทีมของฉัน และผู้เล่นสโมสรคนอื่น ๆ

อย่างเต็มที่เหมือนเดิม ” แต่ “ ฉันคิดว่าทั้งสังคม ควรส่งเสริมประเด็นเหล่านี้ จากการศึกษาในโรงเรียน และในโลกโซเชียล เรื่องนี้ควรได้รับการแก้ไข อย่างจริงจัง และเข้มงวด กับผู้กระทำความผิด ไม่ใช่แค่กับนักฟุตบอล อย่างทุกวันนี้ “

การกระทำและการแสดงต่อต้าน ของเหล่านักเตะ

ซึ่งถ้าเราพิจารณา คำพูดของ Zaha และมองย้อนกลับไป ที่แคมเปญการควบคุมเข่า มันเป็นข้อเท็จจริงเกือบทั้งหมด เพราะแม้ว่า คุณจะคุกเข่ามาหลายสิบปีแล้ว ทำไปจนเมื่อย แต่สังคมของโลกนี้ หรือเกี่ยวกับการศึกษา

ไม่มีการรณรงค์ หรือให้ความรู้ การทำความเข้าใจว่า ถูกต้องและจริงจัง เพียงพอก็ไม่มีประโยชน์ ที่จะทำในลักษณะนี้ แน่นอนว่าแคมเปญ #Black live matter ก็เพียงพอที่จะมีมุมดี ๆ อย่างน้อยก็เป็นการแสดง สัญลักษณ์ต่อผู้คนทั่วโลก

และยิ่งเป็นเรื่อง ที่เกี่ยวกับบอลพรีเมียร์ลีก เป็นสถานีที่ออกอากาศไปทั่วโลก ดังนั้นจึงมีน้ำหนักมาก ในการใช้สัญลักษณ์นี้ ในการสื่อสารกับคนทั่วไป แต่สุดท้ายก็ต้องย้อนถาม และคิดให้ดีว่าวันนี้ พวกเขาทำผลกระทบมากมายแค่ไหน

และมีความตั้งใจ ในการรณรงค์มากแค่ไหน เพราะหากยังปล่อยให้เป็นเพียงประเพณี ก่อนการแข่งขันเช่นนี้ ก็ไม่ต่างจากการคุกเข่าปกติ ก่อนการแข่งขัน

ติดตามข่าวกีฬาได้ที่ Ufa285s เว็บ แทงบอล อันดับ1 ของไทย